Headlines News :

Latest Post

อยากรวย ต้องประหยัด

อยากรวย ต้องประหยัด

- วันนี้ money7forex จะ นำแนวคิดแบบเศรษฐีชาวตะวันตกมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ และรองศึกษากันดูนะ เพราะพวกเขาจะกินใช้น้อยกว่าที่หามาได้มากนัก หรือที่เราเรียกกันว่า "ประหยัด" นั้นเอง แล้วการประหยัดของพวกเขาเขาทำกันอย่างไรกันบ้าง เรารองมาดูกันนะ (money7forex ก็ใช้วิธีนี้ในการสร้างฐานะเช่นกัน)


คนส่วนใหญ่มักจะวัดความร่ำรวยกันด้วย เหตุผลโง่ๆ เช่น
  • บ้านหลังใหญ่ราคาเป็นล้าน และอยู่ในโครงการหรู่
  • รถยนต์คันใหม่ป้ายแดง และต้องเป็นยี่ห้อที่ไฮโซ (ต้องผ่อน)
  • เสื้อผ้าเครื่องประดับ ต้องแบรนด์ดังจากต่างประเทศ
  • กินอาหารต้องอย่างดี ราคาแพง ร้านหรู
  • ถ้าอยากท่องเที่ยวและช๊อปปิ้ง ต้องต่างประเทศเท่านั้น
อยากรวย ต้องประหยัด

  แต่จริงๆ แล้วการใช้ชีวิตที่โก้หรูแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย คนที่เป็นเศรษฐีมักไม่ทำกัน เพราะการใช้เงินแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนจนที่อยากให้คนอื่นเห็นว่ารวยเท่านั้น และเมื่อคุณทุมเทเวลาและเงินทองให้กับเปลือกนอกของคุณ สิ่งที่จะตามมาคืออะไรรู้ไหม ถ้าไม่รู้ money7forex จะบอกให้ นั้นคือ การเป็นหนี้, เงินไม่พอใช้, และมีนิสัยที่จมไม่ลง
  • พวกเศรษฐีจะยึดถือ ความประหยัด เป็นเรื่องสำคัญเพราะ ความประหยัดเป็นหัวใจในการสร้างฐานะเป็นอย่างยิ่ง การที่พวกเขาจะใช้จ่ายในสิ่งใดก็ตาม ต้องมีผลประโยชน์และมีเหตุผลเสมอ มีคนให้คำจำกัดความของความประหยัด ไว้ในพจนานุกรมของ เว็บสเตอร์ ว่า "เป็นพฤติกรรมี่สะท้อนถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่า"
ดังนั้น money7forex จึงอยากถามเพื่อนๆ ทุกคนว่า
  • คุณจะมีบ้านหลังใหญ่ไปทำไม ถ้าคุณใช้ทุกห้องพร้อมกันไม่ได้
  • คุณจะมีรถหรูราคาแพงไปทำไม เพราะสุดท้ายรถอะไรก็สามารถขับถึงจุดหมายได้เหมือนกัน
  • คุณจะใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงไปทำไม เพราะสุดท้ายก็แค่ประดับและปกปิดร่างกายเท่านั้น
  • คุณจะกินอาหารราคาแพงไปทำไม เพราะสุดท้ายก็แค่อิ่มจริงไหม


money7forex อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและนำไปคิดดูนะว่า "คุณกำลังสร้างเปลือกนอกให้ดูรวย หรือสร้างฐานะให้ร่ำรวยจริงๆ "

Forex คืออะไร

ก่อนที่เราจะรู้ว่า Forex สามารถทำรายได้ ได้อย่างไร เราควรรู้ก่อนว่า Forex คืออะไร Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange บางครั้งเรียกย่อว่า FX คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
Forex Market หรือ ตลาด Forex เป็น ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า US$ 2 trillion (2 ล้านล้านดอลลาร์) ต่อวัน เป็นตลาดการเงิน ที่มีสภาพคล่องสูงมาก ตลาดเปิดทำการซื้อขาย 24 ชั่วโมง ตลอดวันทำการ โดยหยุดการซื้อขาย แค่วัน เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น การซื้อขายใน ตลาด Forex เป็น การซื้อขายค่าเงิน โดยซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงินนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เงินสกุลยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ (EUR/USD) หรือ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น (USD/JPY) เป็นต้น

แต่การที่เราจะเล่น
Forex เรา จะต้องเล่นผ่าน โปรเกอร์ทางอินเตอร์เน็ต และในที่นี้โปรเกอร์ที่แนะนำก็คือ Marketiva ทำไมถึงต้องเป็น Marketiva เพราะสมัครฟรี เมื่อแรกเข้าเราจะได้ 5 เหรียญเป็นเงินจริง ๆ นะ เขาให้ไว้เพื่อลองเล่น (แต่บางคนสามารถทำ 5 เหรียญ ให้เป็น 10,000 เหรียญ ได้นะ) และมีอีก 10000 เหรียญ ที่เป็นเงินปลอมไว้ให้หัดเล่น (เล่นเงินปลอมให้ชำนาญก่อนนะ)

เรามาดูการสมัคร Market เพื่อเข้าไปเล่น Forex

- คลิกที่ Forex แล้วกดที่ Open Account (และการสมัคร จะใช้ได้ 1 Account ต่อ เครื่อง ต่อ 1 คน เท่านั้นนะ )

2. กรอกข้อมูลต่างๆ ดังภาพ ( ทุกช่องที่มี * และเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)
3. เลือกคำถามช่วยจำ และ คำตอบ (ดังภาพ) กด Next
4. คลิ๊กทำเครื่องหมายดังภาพ แล้วกด Finish
5. Download และติดตั้งโปรแกรม Streamster ลงบนคอมพิวเตอร์
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้บัญชีเทรดค่าเงิน ของ MarKetiva Forex ในบัญชีคุณจะได้รับเงิน $5 เป็นเงินเทรดจริง และเงินปลอมอีก $10000 เพื่อเอาไว้ลองเล่นให้ชำนาญ

แลัวต่อไปเราจะมาพูดถึง การยืนยันตัวตนต่อ MarKetiva Forex

การยืนยันตัวตนกับ Marketiva Forex

การยืนยันตัวตนกับ Marketiva Forex
เมื่อเราสมัครเสร็จแลัว หรือลองเทรดเงินปลอมจนคิดว่าชำนาญแล้ว เราก็ต้องแสดงการยืนยันตัวตนของเราเพราะเราต้องรับเงิน - ส่งเงิืนเข้าเล่น การที่จะยืนยันตัวตนกับ Marketiva Forex มีวิธีการทำดังนี้
เรากดที่ account center แลัวกดที่ Services และกด Identify Yourself หลักฐานที่ต้องส่งคือ
- หนังสือเดินทาง หรือถ้าไม่มีก็ใช้ การสแกนบัตรประชาชน ก็ได้เช่นกัน ไม่ต้องแปลอังกฤษเทียบก็ได้ แต่ต้องทำเป็นไฟล์ .jpg นะ แล้วขนาดต้องไม่เกิน 100KB
- อีกอย่างที่ต้องส่งไปก็คือ บิลอะไรก็ได้ ที่มีชื่อเราอยู่บนนั้น เช่น บิลค่าน้ำ - ค่าไฟฟ้า แต่ต้องทำเป็นไฟล์ .jpg นะ แล้วขนาดต้องไม่เกิน 100KB (แลัวจะอธิบาย การโอนเงินเข้า - กดเบิกเงินออกในตอนต่อไปนะ)

ขั้นตอนการยืนยันตัวตน
กดที่ account center




- เลือก Identify Yourself


- ใส่ ภาพลงในหัวข้อทั้ง 2 โดยมีขนาดไม่เกิน 100 K และต้องเป็น JPEG FORMAT เท่านั้น แล้วคลิ๊กที่ Upload (สีแดงด้านบน คือ การ Log Off)
- รอเวลา 1 - 2 วัน ถ้าผ่านการตรวจสอบแล้ว



หลังจากที่เราได้รับการตอบกลับแล้ว เราก็สามารถ โอนเงินหรือเบิกเงินได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวป fxfriend.com - http://forexeasy.makewebeasy.com

การวิเคราะห์ก่อนเทรด

ก่อนที่เราจะลงมือเทรดค่าเงินนั้น เราควรมีการวิเคราะห์ เพราะ Forex ไม่ ใช้การพนันจึงเล่นตามอารมณ์ไม่ได้ ถ้าเราเล่นตามอารมณ์ มันก็เหมือน เทน้ำลงบนทราย เราเทน้ำเท่าไรหรือลงทุนเท่าไรก็หายหมด ดั้งนั้นเราควรเล่นเงินปลอมให้ชำนาญก่อนนะ อย่าใจร้อน



การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ชนิด

- ซึ่งคุณสามารถใช้เมื่อเข้าถึง forex การวิเคราะห์มูลฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค มักจะมีการถกเถียงกันอยู่เสมอว่า การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า, แต่ ตามความจริงแล้ว เราจำเป็นต้องรู้ทั้งสองบ้างเล็กๆน้อย ดังนั้น มาดูเป็นอย่างเป็นอย่างไป จากนั้นจะได้นำมาใช้ร่วมกันได้



1.การวิเคราะห์มูลฐาน

คือวิธีดูตลาดผ่านปัจจัยอิทธิพล ทางเศรษฐกิจ, สังคม และการเมืองที่มีผลกระทบต่อ ปริมาณและความต้องการ อุปสงค์/อุปทาน กล่าวอีกอย่างหนึ่ง คือ คุณดูว่าเศรษฐกิจของใครกำลังไปได้ดี, และของใครกำลังแย่ แนวความคิดเบื้องหลังการวิเคราะห์ชนิดนี้ก็คือ เศรษฐกิจของใครก็ตามที่กำลังดี เงินตราของเขาก็ต้องดีด้วยเช่นกัน นี้เพราะว่า ยิ่งเศรษฐกิจของประเทศดี ประเทศอื่นๆยิ่งมีความเชื่อมั้นมากในเงินตรานั้น เป็นต้นว่า, ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะ เศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแรง ถ้าอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าของเงินดอลล่าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และนี้เองคือสิ่งที่เราเรียกว่าการวิเคราะห์มูลฐาน ในหลักสูตร ภายหลัง เราจะได้เรียนว่าเหตุการณ์ข่าวประเภทไหนกัน ที่ผลักดันค่าเงินตราได้มากที่สุด ตอนนี้ให้รู้แค่ว่าการวิเคราะห์มูลฐานของ forex คือ วิธีวิเคราะห์เงินตราผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

2.การวิเคราะห์เชิงเทคนิค

คือ การศึกษาของการเคลื่อนไหวของราคา
คือ วิเคราะห์ทางเทคนิค = วิเคราะห์กราฟ (chart) แนวความคิดนี้ ก็คือเราสามารถดูประวัติการเคลื่อนไหวของราคา และอาศัยการขยับตัวของราคา ตัดสินคาดได้ในระดับหนึ่งว่าราคาจะไปที่จุดไหน โดยดูที่กราฟ คุณสามารถระบุแนวโน้ม และรูปแบบ ที่สามารถช่วยให้เห็นโอกาสดีในการชื้อขาย สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ แนวโน้ม! คนจำนวนมากมีคำพูดอยู่ว่า แนวโน้ม คือ เพื่อนของคุณ . เหตุผลคือ คุณอาจทำเงินได้มากกว่า เมื่อคุณสามารถค้นพบ แนวโน้ม แล้วซื้อขายในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยคุณระบุแนวโน้มเหล่านี้ในขั้นต้นๆ ของมัน และเพราะฉะนั้น(ผมเพิ่งพูดว่าเพราะฉะนั้นใช่ไหม )จึงช่วยให้ คุณได้โอกาสซื้อขายทำกำไรมาก

ดังนั้น การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า?
คำตอบ คือ ไม่ใช่แบบใด ทั้งนั้น คุณต้องการการวิเคราะห์ทั้งสองชนิดที่จะเป็นนักค้าที่สมบูรณ์ นี้ คือ ตัวอย่างของการโฟกัสใช้การวิเคราะห์เพียงชนิดเดียวที่นำไปสู่ความหายนะ

สมมุติว่าคุณดูที่กราฟของคุณ และ คุณเห็นโอกาสดีที่จะซื้อขาย คุณรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก คิดอยู่ว่เม็ดเงินกำลังจะตกลงจากท้องฟ้าแล้ว(เหมือนกับฝน) คุณพูดกับตัวคุณเอง "โห..เราไม่เคยเห็นโอกาสซื้อขายที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน เจ้ากราฟคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา" จากนั้น คุณก็ดำเนินการเข้าซื้อขายด้วยรอยยิ้มด้วยความมั่นใจ. แต่เดี่ยวก่อน .. ทันทีทันใด ราคาซื้อขายก็ขยับวูบไปถึง 30 จุด ในทิศทางตรงกันข้าม ! คุณรู้น้อยไปหน่อยว่า อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงไปแล้วสำหรับเงินตราของคุณ และขณะนี้ทุกๆคนกำลังซื้อขายในทิศทางตรงกันข้าม
คุณเพิ่งสูญเสียเงินไปหนึ่งก้อน ทั้งหมดนี้เพราะ คุณเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงต่อการวิเคราะห์มูลฐาน


สรุป

-การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ประเภท : เชิงมูลฐาน และทางเทคนิค
-การวิเคราะห์มูลฐาน คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ( ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะเศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแกร่งขึ้น หรือ การเปลี่ยนผู้นำ)
-การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวราคา การวิเคราะห์ทางเทคนิค = กราฟ
-การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังช่วยระบุแนวโน้มที่สามารถช่วยเราค้นพบโอกาสทำกำไรในการซื้อขาย
-เพื่อเป็นนักค้าที่สมบูรณ์, คุณต้องประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ทั้งสองร่วมกัน

รายละเอียด Marketiva Forex

วันนี้เราจะมารู้จักกับตลาด Forex ให้มากขึ้น
ช่วงเวลาทำการของตลาด?

ตลาดForex นั้นมีหลายแห่งในโลก มีเวลาการเปิดปิดที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้เราสามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ โดยตลาดต่างๆ มีเวลาเปิดปิดดังนี้
ตามเวลาประเทศไทย ตลาดจะเปิดทำการตั้งแต่เวลาตี 4 ของเช้าวันจันทร์ และปิดตี 4 ของเช้าวันเสาร์ (รวม 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
ตลาด USD = US Dollar เปิดเวลา 19.00 น. ถึงตี 3
ตลาด GBP = British Pound เปิดเวลา 14.00 - 22.00 น.
ตลาด EUR = Euro เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
ตลาด CHF = Swiss Franc เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
ตลาด JPY = Japanese Yen เปิดเวลา 7.00 - 14.00 น.
ตลาด AUD = Australian Dollar เปิดเวลา 5.00 - 13.00 น.

สิ่งที่ควรรู้ ในการเล่นหุ้น

1. Forex แล้วได้เงินจริงหรือเปล่า ?
: ได้จริงและเสียจริง อยู่ที่ว่าคุณทำได้หรือเปล่า มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ คุณต้องขยันศึกษาหาความรู้ หาเทคนิคในการทำกำไร มีหลายคนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทำเป็นอาชีพหลักได้เลย อยู่ที่การฝึกฝนค่ะ เหมือนเป็นอาชีพหนึ่งถ้าคุณตั้งใจ การเล่น Forex จะคล้ายๆ การเล่นหุ้น แต่เป็นการซื้อขายค่าเงินระหว่างคู่เงินแทน เป็นการเก็งกำไรจากค่าเงิน ตลาดเงินจะคล่องตัวกว่าตลาดหุ้นมาก ใน Marketiva จะมีเงินปลอมให้ทดลองเทรด ควรศึก ษาให้เข้าใจก่อน แล้วจึงเล่นด้วยเงินจริงค่ะ ขยันศึกษา+ฝึกฝน+มีระเบียบวินัย+การบริหารความเสี่ยง จะทำให้ประสบความสำเร็จใน Forex ได้ค่ะ

2. ฝากเงินเข้ายังไง ?
: การฝากเงินเข้าบัญชี Marketiva เพื่อเทรด ที่สะดวกคือใช้ระบบ e-currency เมื่อก่อนจะใช้ e-gold ซึ่งหากท่านเคยทำพวกโปรแกรมคลิกเมลมาคงจะรู้จักดี แต่ปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาบางอย่างของ e-gold ทำให้ Marketiva ยกเลิกการฝากเงินเข้าด้วย e-gold ชั่วคราว แต่ก็มีบางครั้งที่สามารถฝากเข้าได้ แต่ตอนนี้ ที่สะดวกที่สุดคือใช้ e-bullion ซึ่งเป็นระบบ e-currency อีกตัวหนึ่ง และตอนนี้เว็บตลาดทอง เลิกซื้อขาย e-Gold แล้ว แต่เปลี่ยนมา ซื้อขาย e-bullion แทนเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ การฝากเงินเข้าตอนนี้ด้วย e-bullion จะสะดวกที่สุด

3. เห็นตามเว็บต่างๆ บอกสมัครแล้วได้ ฟรี $5 ทำไมได้แค่ $2.5 ?
: เมื่อก่อนสมัครแล้วจะได้ $5 สำหรับเทรด Forex ทันที แต่ช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ทาง Marketiva มีการเพิ่ม Fund Rates (เทรดแบบกองทุน) เข้ามา (ดูจาก tab ด้านซ้ายบนของหน้าจอเทรด) จึงแบ่งเงินฟรีของเราออกเป็น Live Forex $2.5 + Live Fund $2.5
เราสามารถโอนจาก Live Fund มารวมใน Live Forex
- วิธีการโอน
1.คลิกที่ Account Center 2.คลิกที่ Transfer funds 3.From Desk: Live Fund และ To Desk: Live Forex ตรงช่อง Amount ใส่ 2.5 แล้วคลิกปุ่ม Transfer แค่นี้เราก็จะมี $5 สำหรับเทรด Forex ค่ะ

4. Margin คืออะไร?
: คือวงเงินของเรา จะมี Available Margin= วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้, Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป
สูตร -> Available Margin = เงินในบัญชี - Used Margin + Profit
เมื่อเริ่มต้นเรามีเงินฟรี $5 ยังไม่ได้เทรด Used Margin เป็น 0 เราก็จะมี Available Margin=5.0 ถ้าเราทำการเทรดซื้อ EUR/USD ไป $1 จะเกิด Used Margin=1.0 และเหลือ Available Margin เกือบ 4.0 (เนื่องจากถูกหักค่า Spread 2 pips เป็นค่าติดลบใน Profit) ถ้าราคาขึ้นไปจนเราได้กำไร +10 point เราจะได้ Profit=0.1 ค่า Available Margin จะเพิ่มเป็น 4.1 point ถ้าราคา + ขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะได้ Available Margin เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ถ้าเราขาดทุน ค่า Profit จะติด - และ Available Margin เราจะลดลงแทน หากเราไม่ตัดขาดทุนจะลดลงไปเรื่อยๆ จน Margin เกือบหมดเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ เรียกว่า Margin Call โดนไปทีแทบไม่เหลืออะไรเลย จึงควรรักษา Margin ไว้ให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ

5. Pips หรือ Points คืออะไร?
: Pip (Price Interest Point) หรือ Point (จุด) คือ ค่าต่ำสุดของราคา ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งก็คือจุดทศนิยมหลักสุดท้ายของราคานั่นเอง เช่น EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.3630 เมื่อราคาขึ้นไปเป็น 1.3631 หรือ USD/JPY ราคาอยู่ที่ 115.70 ขึ้นไปเป็น 115.71 ก็คือขึ้นไป 1 Pip หรือ 1 point

6. Long และ Short คืออะไร?
: Long คือ ซื้อไว้แล้วขาย หลักคือเราต้องซื้อไว้ที่ราคาถูกแล้วไปขายที่ราคาแพงกว่า เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่าง ตอนเราเปิด Long ก็คือ ส่งคำสั่งซื้อ หรือ Send Buy Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Long Position ขึ้น
:Short คือ ขายออกแล้วซื้อกลับ หลักคือเราขายออกไปก่อนที่ราคาสูง แล้วไปซื้อกลับคืนเมื่อราคาต่ำกว่า เราก็จะได้กำไรที่ส่วนต่าง ตอนเราเปิด Short ก็คือ ส่งคำสั่งขาย หรือ Send Sell Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Short Position ขึ้น
ตลาด Forex จะต่างจากตลาดหุ้น คือสามารถเทรดได้ทั้งสองทาง ทั้งซื้อและขาย เล่นได้ทั้ง ขาขึ้น และขาลง ตลาดหุ้นซื้อได้อย่างเดียว เล่นได้แต่ขาขึ้น ถ้าเป็นขาลงต้องนอนรออย่างเดียว

7. Stop-Loss (SL) คืออะไร?
: Stop Loss ปกติจะเห็นในห้องแชทพิมพ์ว่า SL (sl) คือจุดที่เรายอมขาดทุน ตรงข้ามกับ TP
- Buy (Long) Order ค่า Stop Loss จะตั้งไว้ต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ ถ้าราคาลดลงไปถึงจุดที่กำหนด จะถูกปิดออเดอร์ทันที เพื่อตัดขาดทุน เช่น เราซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.3630 เรายอมขาดทุนได้ 30 จุด ก็ตั้ง SL ไว้ที่ 1.3600 ถ้าราคาไม่ขึ้นตามที่เราตั้งใจแต่กลับลดลงมาถึง 1.3600 เราก็จะขาดทุนเพียง 30 จุด ถ้าเราไม่ตัดขาดทุน ราคาอาจจะลดลงไปมากกว่านี้เยอะ
- Sell (Short) Order จะตั้ง Stop Loss ไว้สูงกว่าราคาที่เราเปิด Sell ถ้าราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดโดยอัตโนมัติ

8.Target (Take Profit/TP) คืออะไร?
: Target หรือ TP (Take Profit) คือเป้าหมายกำไรที่เราต้องการ ตรงข้ามกับ SL
- Buy (Long) Order เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับขึ้น เราอาจใช้แนวต้าน เป็นเป้าหมายทำกำไร เมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกขายออกโดยอัตโนมัติ
- Sell (Short) Order เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับลดลง เราอาจใช้แนวรับเป็นเป้าหมาย เมื่อราคาลงไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดออเดอร์ โดยอัตโนมัติ

9.การตั้งซื้อขายแบบ Limit / Stop คืออะไร?
: เป็นการตั้งซื้อขายไว้ล่วงหน้า หรือ Pending Order จะยังไม่มี Position เกิดขึ้น
Limit Order ใช้ตั้ง ซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน หรือ ตั้งขายที่ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน ตัวอย่างถ้าตอนนี้ EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.2953/55 ถ้าเราคิดว่ามันเป็นเทรนขาขึ้น และราคาแพงเกินไป เราอยากซื้อราคาต่ำกว่านี้แต่ไม่ว่างนั่งดู เราอาจตั้ง Buy Limit Order ไว้ที่ราคา 1.2945 ถ้าราคาลดลงมาถึงจุดก็จะถูกซื้อโดยอัตโนมัติ และเมื่อราคาขึ้นไปตามคาด เราก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้นถึง 10 จุด สำหรับ Sell Limit ก็กลับกัน
Stop Order คือ ตั้งซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน หรือ ตั้งขายที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ใช้เมื่อเราไม่ว่างนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าจอเทรด และใช้สำหรับจับเทรน ตัวอย่าง EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2953/55 เราคิดว่าถ้าราคาผ่านแนวต้านที่ 1.2963/65 ขึ้นไป (Breakout) แล้วน่าจะขึ้นไปต่อ เราอาจตั้ง Buy Stop Order ไว้ที่ 1.2970 เมื่อราคาทะลุขึ้นไปก็จะซื้อให้อัตโนมัติ สำหรับ Sell Stop ก็กลับกันค่ะ ถ้าคิดว่าจะหลุดแนวรับเราก็ตั้ง Sell Stop Order ไว้ใต้แนวรับ

10.เวลาเปิดให้เทรดได้เวลาไหน และปิดเวลาใด?
: ตลาดเปิดให้เทรดเวลา 4.00 เช้าวันจันทร์ ไปจนถึงปิดเวลา 4.00 น. เช้าวันเสาร์ สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

11.เปิดซื้อขายทิ้งไว้ แล้วออกโปรแกรมไป หรือไฟดับ จะเป็นอะไรไหม?
: ไม่เป็นไรค่ะ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่ทางโบรกเกอร์ เมื่อเรากลับเข้ามาอีกที อาจจะ + เป็น 100 หรือ - เป็น 100 ก็ได้ตามราคาตลาดในตอนนั้น หรือแม้แต่เปิดทิ้งไว้จนถึงปิดตลาดเช้าวันเสาร์ พอวันจันทร์ตลาดเปิด ก็ยัง + - ไปตามราคาตลาดต่อไป จนกว่าเราจะสั่งปิดเอง หรือ ราคาชน Target หรือ ราคาชน Stop-Loss หรือ ถูก Margin Call เพราะ margin หมด

12.Spread (2/3 pips) คืออะไร?
: ที่เห็น 2 pips หรือ 3 pips for EUR/USD เป็นผลต่างระหว่าง ราคาซื้อ (Bid) กับราคาขาย (Offer) ค่ะ ตอนที่เราซื้อเราจะซื้อที่ราคาขาย (Offer บางโบรกเกอร์ เรียกว่า Ask) พอจะขายก็ต้องขายที่ราคาซื้อ (Bid) นะค่ะ ยกตัวอย่าง ร้านทองก็มี ราคาซื้อ-ราคาขาย ติดไว้ที่หน้าร้าน เวลาคุณจะไปซื้อทอง ก็ต้องซื้อที่ราคาขาย (Offer) พอจะขายคืนก็ต้องขายให้ที่ราคาที่เค้ารับซื้อ (ฺBid) ถ้าซื้อแล้วขายเลยก็ขาดทุนแน่ๆ ค่ะ เพราะราคารับซื้อเค้าจะต่ำกว่าราคาขาย ใน Forex ก็คล้ายๆกัน จะเห็นว่าพอเราเปิดซื้อขายมาออเดอร์นึง จะลบทันที 2 จุด (pips) สำหรับ EUR/USD ใน Marketiva เหมือนเป็นค่าต๋งนะแหละค่ะ ยังไงเปิดมาก็ต้องลบ EUR/USD ปกติจะมี Spread ต่ำสุด แล้วแต่ว่าแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดเท่าไหร่ค่ะ บางโบรกเกอร์ก็ 3 pips สำหรับตัวอื่นค่า Spread ส่วนมากก็จะมากกว่านี้ค่ะ เช่น GBP/USD 4 pips หรือตัวที่วิ่งเยอะๆ เช่น GBP/JPY ถึง 8 pips เปิดมา -8 ทันทีเลยค่ะ

13. Leverage (ที่เห็น 1:100, 1:200) คืออะไร?
: Lever แปลว่า คาน Leverage แปลตรงตัว = กำลังคาน ค่ะ
สำหรับใน Forex ค่า Leverage เป็นตัวช่วยเวลาเราลงทุนค่ะ เป็นการให้ Margin เราเพิ่มตอนเทรด ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะเทรด 100 หน่วยของ USD/JPY เราต้องใช้เงินถึง $100 ดอลลาร์ (Leverage 1:1) ถ้าโบรกเกอร์ให้ Leverage เรา 1:100 ก็คือ เราใช้เงินลงทุนเพียง $100/100=$1 หรือใช้เงินเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น
แล้วมีผลยังไง? 1:100 เราลงทุน 1$ เหมือนลงทุนไป 100$ ทำให้เราได้กำไร (หรือขาดทุน) เพิ่มขึ้นด้วยเงินเพียงนิดเดียว ถ้า Leverage มากขึ้น ก็ยิ่ง กำไรขาดทุนมากขึ้นไปอีกค่ะ ที่เงินลงทุนเท่ากัน ยิ่ง Leverage เยอะเวลา - ยิ่งขาดทุนเยอะนะค่ะ ต้องระวังไว้ด้วย
ในโบรกเกอร์จะมีการกำหนด Leverage ที่ต่างกันแล้วแต่ทางโบรกเกอร์เค้าค่ะ 1:100, 1:200 หรือ บางโบรกเกอร์ 1:500 ก็มี สำหรับ Marketiva จะมีค่า 1:100 ครับ ถ้าเราซื้อ EUR/USD $1 ถ้าราคาขึ้นไป 10 จุดแล้วขาย เราก็จะได้กำไร $0.1 ถ้าไม่มีค่า Leverage หรือเป็น 1:1 เราจะได้กำไรเพียง $0.001 เท่านั้น

14. ทำไมเปิดซื้อขายไม่ได้ ข้อควรระวังในการเปิดซื้อขายบ่อยๆ บวกนิดหน่อยปิดที่ Marketiva?
:.เทรดสั้นๆ (น้อยกว่า 5 นาที) เกิน 10 ครั้งใน 4 ชั่วโมง หรือ 50 ครั้งใน 7 วัน
เทรดรวม (ทั้งเทรดสั้นและเทรดปกติ) รวม 200 ครั้ง ใน 7 วัน
คุณจะถูกระงับการเทรดชั่วคราว ไม่สามารถเปิดซื้อขายได้ ทั้งนี้ นับรวมทั้ง เทรดด้วยเงินจริง (Live Forex) และ เงินปลอม (Virtual Forex) นะค่ะ ระวังจุดนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะเปิดซื้อขายไม่ได้ เท่าที่เคยถามซัพพอร์ตไป ต้องรอ 1-7 วัน จึงจะเทรดได้อีกค่ะ

เทคนิคลงทุนระยะสั้น

เทคนิคลงทุนระยะสั้น


  • 1. สำหรับท่านที่ เล่นระยะสั้น ให้ท่าน ลงวินโดว์ 2 ตัว ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน  เพราะเงื่อนไข การใช้บริการโบรกเกอร์นั้น การส่งคำสั่ง ซื้อขาย คิดเป็น 1 ครั้ง และใน 1 เดือนส่งคำสั่ง ซื้อขาย ต้องไม่เกิน 200 ครั้ง ยิ่งเล่นสั้น 200 ครั้ง ไม่พอค่ะ เราต้อง เปิด การใช้บริการ 2 ชื่อค่ะ ชื่อละ 1 วินโดว์  สำหรับการถอนเงินออก โบรกเกอร์ไม่จำกัดการเอาออกค่ะ เพราะเป็นเงินของเรา แต่ ต้อง เสียค่าธรรมเนียม7 $ ค่ะ เช่น ต้องการถอนออก 30 $ ท่านจะเหลือ 23 $ ค่ะ และนำเงินที่ถอนไปใส่อีกชื่อหนึ่งของเรา

2.  หาโอกาศ เข้าลงทุนให้ดี .....ท่านอย่าเอาใจจดจ่อจนทุกนาทีค่ะ
ท่านมีโอกาศ ตั้ง 24 ชัวโมง ยิ่งท่านเอาใจจดจ่อมากใจท่านก็จะบอกกับตัวเองว่า นี่ล่ะโอกาสเสมอเลย **** แนะนำให้สังเกตุนาน ๆ

  • 3. ท่านอย่าเร่ง เงิน ตัวเองนะค่ะ เช่น นำเงินเข้าโบรกเกอร์ 100 $ และท่านลงทุน 70 $ หรือ 7000 หน่วย ท่านต้องรู้นะค่ะลงทุน 100 $ มันควรจะได้เท่าไหร่ ใน 1 เดือน ท่านจะรู้อย่างไร ท่านใช้เงินปลอมลองเล่นค่ะ ท่านมีประสบการณ์มาหลายเดือน สำหรับดิฉัน ใช้ แค่ 40 $ หรือ 4000 หน่วย ทุกครั้ง ในการลงทุน
เก็บวันละ 20 จุด ( เน้น....กำหนดเท่านี้ค่ะ )

เก็บ 20 วัน วันละ 20 จุด

20 คูณ 20 = 400 จุด

ลงทุน 4000 หน่วย หุ้น ขึ้น ลง 1 จุด = 0.4 $

0.4 คูณ 400 = 160 $

เปลี่ยนเป็นเงินไทย = 5120 บาท
เน้น........ท่านอย่าเร่งเงินตัวเองถ้าท่านต้องการใช้เงินในเดือนนี้ 10,000 บาท แต่ท่านใช้เงิน 100 $ ข้างบน แล้ว ลงทุน 70 $ หรือ 7000 หน่วย ( ระวังท่านไม่ได้อย่างที่คิดนะค่ะ )

ท่านมี 2 วิธี
1. ท่าน ต้อง เก็บจุด เพิ่มขึ้น จาก วันละ 20 จุด ก็ เป็น 40 จุด ( วิธีนี้เหนื่อยค่ะ )
2. ท่านต้องลงทุน เป็น 200 $ แต่เก็บที่ 20 จุด ต่อวัน


4. กำไร 5-10 จุด ให้ปิดการขายเลยนะค่ะ ค่อยเก็บไปเรื่อย ๆ ( วิธีการเล่นระสั้นค่ะ )
อย่ารอมากกว่านี้ค่ะ เดี่ยวจะปิดการขายไม่ได้ ( ไม่ต้องกลัวโบรกเกอร์ระงับการใช้ของเราค่ะ เรามี 2 ชื่อค่ะ ถ้าระงับ
ชื่อนี้เราก็ย้ายเงินไปเล่นอีกชื่อค่ะ) ** แต่ต้องเผื่อค่าธรรมเนียมด้วย **


*****วิธีการนี้ เป็นแค่แนวทางการลงทุนระยะสั้น อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง/ " การลงทุนมีความเสี่ยง "

- ข้อมูลจาก http://www.trades-inter.com/

แนะนำวิธีวิเคราะห์กราฟเบื้องต้น

แนะนำวิธีวิเคราะห์กราฟเบื้องต้น สำหรับ Marketiva



- Exclamation ขั้นตอนต่อไปเราจะมาสอนวิเคราะห์กัน
เรามาดูกันดีกว่าว่า กราฟมากมายขนาดนี้ดูกันยังไง วิธีการวิเคราะห์ไม่ยากค่ะ ขั้นแรกให้คุณหาเส้น Price Line มันคือเส้นของราคาขณะนั้นแหละค่ะ เป็นเส้นสีดำนะค่ะ

การวิเคราะห์ขั้นแรกก็คือ ถ้าเส้น Price Line อยู่ต่ำกว่าทุกเส้น (Stochastic , RSI , MACD ไม่เกี่ยวนะค่ะ) แสดงว่าราคากำลังลง แต่ถ้าอยู่เหนือเส้นทุกเส้น แสดงว่าราคากำลังขึ้นค่ะ
หลังจากวิเคราะห์ขั้นแรกแล้ว ก็ต้องใช้อีกสามกราฟด้านล่าง เพื่อยืนยันว่าถูกต้องค่ะ


***ขอยกตัวอย่างการวิเคราะห์ ให้ดูจากรูปด้านล่างนี้นะค่ะ





วิเคราะห์ขั้นแรก :
จากจุดสีแดงจะเห็นว่าเส้น Price Line ลงมาตัดกับเส้นทุกเส้น จุดนั้นเรียกว่า Break Out ถ้าเกิดแบบนี้ท้ายไว้ก่อนว่าราคากำลังจะตกลง


วิเคราะห์ขั้นสอง :
ให้ดู Parabolic SAR ก็คือจุดรูปสี่เหลี่ยม สีน้ำตาลที่อยู่เหนือเส้น Price Line ถ้าอยู่ด้านบนก็แสดงว่าราคากำลังลง ผ่านมาถึงขึ้นนี้ก็เกือบแน่ใจได้แล้วค่ะว่ากำลังลงแต่ต้องดูอีก 3 กราฟก่อน

วิเคราะห์ขั้นสุดท้าย :
จากจุดสีเขียวจะแสดงให้เห็นว่าเส้นสีน้ำเงินอยู่ต่ำกว่าเส้นสีแดง แสดงว่าราคากำลังลง
จากจุดสีน้ำเงินจะแสดงให้เห็นว่า เส้น RSI กำลังลงมาต่ำกว่า 50 (คือต่ำกว่าเส้นตรงกลางครับ)แสดงว่าราคากำลังลงค่ะ
จากจุดสีดำจะแสดงให้เห็นว่า กราฟแท่งของ MACD กำลังหมุนลงไปอยู่ในทิศทางลบ(คือต่ำกว่า 0 ครับ) แสดงว่าราคากำลังลงอีกแล้วค่ะ

ยืนยันขั้นสุดท้าย :
ตรวจสอบว่าเส้นสีน้ำเงินข้างบน(Moving Average : 50) อยู่ใน Trend ที่ถูกต้อง คือเส้นสีน้ำเงินไม่ได้แสดงให้เห็นว่าราคากำลังขึ้น
ถ้าเส้นสีน้ำเงินเอียงขึ้นไม่ควรทำการ Short นะค่ะ เพราะอาจจะผิดพลาดได

ขอยกอีกหนึ่งตัวอย่างค่ะ ( usd/jpy )




วิเคราะห์ขั้นแรก :
จากจุดสีแดงจะเห็นว่าเส้น Price Line ขึ้นไปตัดกับเส้นทุกเส้น แสดงว่าราคากำลังจะขึ้น


วิเคราะห์ขั้นสอง :
Parabolic SAR อยุ่ใต้เส้น Price Line แสดงว่าราคากำลังจะขึ้นค่ะ


วิเคราะห์ขั้นสุดท้าย :
จากจุดสีเขียวจะแสดงให้เห็นว่าเส้นสีน้ำเงินอยู่เหนือเส้นสีแดง แสดงว่าราคากำลังจะขึ้น
จากจุดสีน้ำเงินจะแสดงให้เห็นว่า เส้น RSI กำลังลงขึ้นไปเหนือ 50 แสดงว่าราคากำลังขึ้น
จากจุดสีดำจะแสดงให้เห็นว่า กราฟแท่งของ MACD กำลังขั้นไปอยู่ทางบวก ก่อนหน้านั้นอยู่ 0 พอดีค่ะ แสดงว่าราคากำลังจะขึ้น
แล้วสุดท้ายตรวจสอบว่าเส้นสีน้ำเงิน (Moving Average : 50) ซึ่งอยู่ใน Trend ปกติ ไม่ขัดกับสัญญาณที่ได้มาทั้งหมดค่ะ


จากที่แนะนำวิธีวิเคราะห์เบื้องต้นมาทั้งหมดสรุปได้ว่า
1. ดู Price Line ว่าอยุ่เหนือหรือต่ำกว่าเส้นทั้งหมด
2. ตรวจสอบ Parabolic SAR
3. ตรวจสอบ 3 กราฟด้านล่าง
4. ตรวจสอบ Moving Average : 50 ว่าอยุ่ใน Trend ที่ถูกต้องไม่สวนกับสัญญาณที่ได้มา

****อย่าลืมตรวจสอบ Moving Average ทุกครั้งนะครั้ง /อาจพลาดได้ง่าย ๆ นะค่ะ
ข้อมูลดีๆ จาก http://www.forexisstock.com/

ถ้ามีทุนน้อย เทรดได้ไหม

มีทุนน้อยจะลงทุนใน Forex อย่างไรดี?
 - จากที่เราสั่งซื้อด้วยเงินเพียง $1 ของเราเอง กำไรมันน้อยนิดมาก ขนาด +50 จุดยังทำเงินได้ 17 สตางค์เอง หากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว มีทุนไม่พอแน่ ทำไงดี ตรงนี้แหล่ะคjtที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการ เทรด Forex อย่างไร เรามาดูกัน





มารู้จัก Leverage กันค่ะ
  • Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ค่ะ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)
  • แต่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ค่ะ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะค่ะ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกค่ะ
  • คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ค่ะ) นั่น หมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10% และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์
  • ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ค่ะ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน ลอง คิดดูเล่นๆู ล่ะกันค่ะ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5 เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็สุดยอดแล้วค่ะ)
  • ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ดิฉันเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่หลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่เทรด
  • ที่ FxOpen (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เอง
  • แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ


- คุณสามารถลงทุนใน Forex แทนได้ โดยใช้ทุนเริ่มต้นเพียงน้อยนิด มาเริ่มเรียนรู้การลงทุนและทำเงินจาก Forex Trading ได้ที่นี่ และจงจำไว้เสมอว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง"

ซื้อขาย ตอนไหน 2




ความหมาย การเดินของกราฟหุ้น บางคนว่าหลอกตา บางคนว่าขณะกำลังแกว่งขึ้นลง
ถ้าเราเซ็ต Style เป็นแบบ Bar Chart จะเห็นชัดเจนค่ะ แต่ละแท่งจะบอกดังนี้นะค่ะ
3 รูปนี้ เป็นเวลาเดียวกันครับ ขณะกำลังเดิน ภาพแรกเดินมาที่ 0.6858 ภาพ 2 เดินมาที่ 0.6855 ภาพ 3 เดินมาที่ 0.6858 แกว่งไปแกว่งมาค่ะ ยังไม่ถึงเวลาปิด ก็เหมือนอย่างที่เราเห็นกันนั่นแหละค่ะ ขณะหุ้นเดิน จะแกว่งไปแกว่งมา ไม่รู้จะขึ้นจะลงแน่
...ความหมายของแท่งคือ ลองพิจารณา 1 แท่งดูนะค่ะ แต่ละแท่งจะมีขีดซ้าย กับขีดขวา


ขีดซ้ายหมายถึงราคาเปิด ขีดขวาหมายถึงราคาปิด
เช่น เปิดที่ราคาสูง แล้วปิดที่ราคาต่ำ ค่ะ หรือเปิดที่ราคาต่ำ แล้วปิดที่ราคาสูง


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






... เซ็ต Simple 20 กับ Simple 5 เพื่อรอดูการตัดกัน เพราะกราฟ 2 เส้นนี้จะไม่ชิดกัน

แต่พอตัดกัน ก็เป็นสัญญาณที่เราจะซื้อขายได้ค่ะ
แล้วก็พ่วง Triangular 36 ไว้ดูทิศทางรวมอีกตัวครับ เพราะ Triangular เมื่อตัดเส้นราคา ก็บอกทิศทางได้ตามภาพที่ 1 ครับ

***สำหรับ Timescale ผมเซ็ตเป็น 30 Minutes จะได้ดูละเอียดขึ้น และเห็นจุดตัดได้เร็วขึ้น ถ้าเซ็ต Time น้อยกว่านี้ผมว่ามันถี่ไป
แต่ถ้ากราฟมีแววจะตัดกันแล้ว ให้ปรับ Timescale น้อยลงไปอีก เผื่อว่า กราฟจะตัดกันแล้วค่ะ จะได้ตัดสินใจซื้อขายได้เมื่อกราฟตัดกันค่ะ

***และก่อนจะตัดสินใจซื้อขาย ควรจะ Zoom ออกมาดูที่ 50% เพื่อให้เห็นภาพรวมของกราฟ ประกอบการตัดสินใจค่ะ***

ซื้อขาย ตอนไหน

การตัดสินใจซื้อขาย ตัดสินใจเมื่อกราฟตัดกัน





เค้าใช้เส้นเดียวเลย Triangular Moving Average 36 คืออะไร ?
ก็เวลาเซ็ต Indicators ค่ะ พอเลือก Moving Average แล้ว จะมี Type ให้เลือก ก็เลือก Triangular แล้วก็ตั้งไว้ที่ 36
*ถ้าเส้นนี้ตัดเส้นหุ้น(หรือเส้นราคานั่นแหละค่ะ) แล้วอยู่บน ตลาดจะลงค่ะ
*ถ้าเส้นนี้ตัดแล้วอยู่ล่างเส้นราคา ตลาดจะขึ้นค่ะ



------------------------------------------------------------------------------------



รูปนี้เราเซ็ตเพิ่มอีก 2 เส้นนะค่ะ หัวข้อ Moving Average นั่นแหละค่ะ (MA) SMA ก็ชนิด Simple ค่ะ WMA ก็ Weight ค่ะ
*ถ้าตัดกันแล้วเขียวอยู่บนกราฟ จะลง
*ถ้าตัดกันแล้วเขียวอยู่ล่าง กราฟ จะขึ้น
* สำหรับเสัน Triangular ใช้ดูภาพรวมตลาดค่ะ


------------------------------------------------------------------------------------

เซ็ตไว้ 2 เส้น ก็รู้ทิศทางตลาดแล้วน่ะค่ะ


------------------------------------------------------------------------------------


ถ้าเส้นมั่วๆกันอยู่ ดูไม่ชัดเจน ระดับไม่ต่างกันมาก อย่าพึ่งเล่นค่ะ ข้ามไปเลย



------------------------------------------------------------------------------------

การดูกราฟ

Buy เมื่อ
ถ้าเส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ขึ้น และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบบน (สีเขียว) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่ใต้เส้นราคา และดันขึ้น บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงขึ้น และมีภูเขาเกิดขึ้นเหนือระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่ใต้ 30 และหักหัวขึ้น บวกกับ Stochastic อยู่ใต้ 20 และหักหัวขึ้น

Sell เมื่อ
ถ้า เส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ลง และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบล่าง (สีเหลือง) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่เหนือเส้นราคา และกดลง บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงลง และมีภูเขาหัวกลับเกิดขึ้นใต้ระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่เหนือ 70 และหักหัวลง บวกกับ Stochastic อยู่เหนือ 80 และหักหัวลง

กราฟเวลาที่เหมาะสมคือ 15 ถึง 30 นาที ทั้งนี้ อาจใช้ 5 นาทีเพื่อหาจังหวะเข้า และ 1 - 4 hrs เพื่อดูแนวโน้มในระยะยาว

กราฟแต่ละเวลาหมายถึง ระยะเวลาที่แต่ละแท่งเทียนถูกเขียนขึ้นในกราฟนั้นๆ

สำหรับ กราฟ pattern แบบต่างๆ การอ่านแท่งเทียน สามารถศึกษาได้จากเว็บหุ้นทั่วไป


การสั่งซื้อขาย
เราสามารถทำการสั่งซื้อขายได้โดยการคลิ๊กที่คู่ของค่าเงินที่ต้อง การ หรือคลิ๊กที่พื้นที่กราฟ ส่วนการ close หรือ modify position ก็ให้ไปคลิ๊กเลือกที่ position ที่ต้องการในพื้นที่ 4 สำหรับปริมาณที่จะซื้อ-ขาย ในช่อง quantity ให้ใส่เป็นจำนวน 100 เท่า ของที่เราต้องการนะค่ะ เช่นเราจะเทรด $1 ให้ใส่ 100 (จุดละประมาณ 1 เซ็นต์) เทรด $100 ให้ใส่ 1,000 (จุดละประมาณ $1)

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเทรดในบ้านเรา คือ 12.00 - 22.00 ครับ ช่วงอื่นกราฟอาจจะอืดๆ ไปบ้าง ช่วงบ่ายๆ คือก่อนตลาดญี่ปุ่นปิด ตลาดยุโรป-ลอนดอนกำลังจะเปิด และ 19.00 ตลาดนิวยอร์คจะเปิดลองใช้ดูค่ะ เล่นกับเงินปลอมไปก่อน เพื่อทดลอง จะได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

วางแผนการเทรด

วางแผนการเทรด และเทรดตามแผนของคุณ:

ในการเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่า ราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นต้องมีแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย
  1. การกำหนดจุดเข้า หรือสัญญาณในการเข้าเทรด,
  2. การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss),
  3. การกำหนดเป้าหมายกำไร (Target),
  4. การวางแผนการเงิน (Money Management)
จัดสรรเงินเทรด ให้เหมาะสม แผนการเทรดที่ดี จะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาติดลบเยอะๆ ไม่ต้องถูกบังคับปิด เมื่อ Margin ของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรด หรือระบบเทรด

เทรนคือเพื่อนของคุณ:
อย่าคิดสวนเทรน หาจังหวะหรือสัญญาณ เพื่อ Buy/Long เมื่อตลาดอยู่ในภาวะ Bullish (เทรนขึ้น-กระทิงขวิดขึ้น)
และ หาจังหวะ หรือสัญญาณ เพื่อเข้า Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในภาวะ Bearish (เทรนลง-หมีตะปบลง)


การรักษาเงินลงทุน
สิ่ง ที่สำคัญอีกอย่าง เมื่อทำการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีู่ การเปิดคำสั่งเทรด แต่ละคำสั่ง ไม่ควรเกิน 10% ของเงินลงทุนที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินอยู่ในบัญชี $100 ในการเทรดแต่ละครั้ง ไม่เกิน $10 ถ้าไม่มีการรักษาเงินลงทุน เงินทุนอาจลดลงอย่างรวดเร็ว จนหมดและคุณอาจท้อ จนต้องเลิกไปเลย


รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องตัดขาดทุน:
ถ้า ราคาวิ่งตรงข้ามกับที่เทรดไว้ ควรปิดทิ้งแล้ว รอสัญญาณ หรือโอกาสในการเข้าใหม่ อย่าถือไว้โดย หวังว่าราคาจะวิ่งกลับมา ให้เราปิดทำกำไร การถือติดลบไว้ ทำให้คุณเสียโอกาส ในสัญญาณดีๆ และจะต้องมานั่งเครียด กลัว margin จะหมด ดังคำ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" ถ้าเลวร้ายจริงๆ อาจถึง โดนสั่งปิดไปเลย ดังนั้น ก่อนทำการเทรด จึงควรหาจุด Stop-Loss จุดที่คุณต้องปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากที่คาดหมายไว้ โดยอาจกำหนดไว้ เลย เช่น -20 จุด หรือ -30 จุด หรืออาจดูจาก แนวรับ-แนวต้าน นำมาตั้งเป็นจุด Stop-Loss

ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส:
ก่อน ทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไหร่ เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดเพื่อทำกำไร เป้าหมาย หรือ Target อาจกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับความพอใจของเรา เช่น กำไร 20 จุด, กำไร 30 จุด, 50 จุด หรือกำหนดจาก แนวรับ-แนวต้าน หรืออาจใช้เครื่องมือช่วย เช่น Fibonacci หรือ Pivot Point เป็นตัวกำหนด


ตัดอารมณ์ออกไป:
2 อารมณ์ ที่มีผลมากในการเทรด คือ ความโลภ และความกลัว อย่าให้ความโลภ และความกลัว เข้ามามีผลต่อการเทรดของคุณ หมั่นฝึกฝน เทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรด ที่วางไว้ ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss), เป้าหมาย (Target) , บริหารเงินให้ดี คุณก็จะมีโอกาส ประสบความสำเร็จ ใน Forex ได้

อย่าเทรดมากจนเกินไป:
คุณ ไม่ควรเปิดเทรด มากจนเกินไป ปกติในเวลาหนึ่ง ควรมี Position ที่เทรดค้างไว้ ไม่เกิน 3-5 Position ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจควบคุมไม่ได้ หรืออาจใช้ อารมณ์ในการ ตัดสินใจ เมื่อตลาดเกิดการเเปลี่ยนแปลง ดังนั้นอย่าเปิดเทรด มากจนเกินไป

เมื่อไม่แน่ใจ ไม่ต้องเทรด:
เมื่อ คุณมั่นใจ หรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาด ไม่แน่ใจว่าราคา จะวิ่งไปทางไหน ใหัอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร บางครั้งการไม่ทำอะไร ก็อาจดีที่สุด

เล่น forex ได้กำไร แล้วจะเบิกยังไง

เราจะเอาเงินจากการเทรด Forex มาใช้อย่างไร

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าถ้าเทรด Forex แล้วมีกำไร เราจะเอาเงินจาก Marketiva ออกมาใช้อย่างไร มาดูกันต่อเลย การจะเอาเงินออกมาใช้ได้นั้นเราจะต้องสมัคร E-Bullion ก่อนนะค่ะ

E-Bullion กับ E-gold เป็นเสมือนธนาคารทางอินเตอร์เน็ตคล้ายๆ กัน (e-currency) แต่คนละบริษัท จัดทำเฉยๆ หรือ ทองคำแท่งคนละยี่ห้อนั่นเอง แต่การลงทุนใน Marketiva ใช้หน่วยเงินเป็น E-Bullion ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ และมีระบบการรักษาความปลอดภัยและให้ความยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทุกท่าน ต้องสมัครสมาชิก E-Bullion ไว้ เพื่อใช้ในการลงทุน ทางอินเตอร์เน็ต การซื้อ การถอนก็ทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจาก มีที่รับซื้อ ขาย E-Bullion หลายแห่งค่ะ ในบ้านเราท่านสามารถสั่งซื้อ ขาย E-bullion ผ่านเว็บ www.taladthong.com ได้ค่ะ

วิธีสมัคร E-Bullion
เข้าไปที่เว็บ http://www.e-bullion.com
คลิก Secure Mode

-กรอกรายละเอียดต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ

จากนั้น e-bullion จะส่ง Account ID ของเราไปทางอีเมล์ที่เราใช้ในการสมัคร
นำ Account ID นั้นมาใช้ในการล็อกอินเข้าสู่ระบบต่อไป

วิธีใช้งาน e-bullion

-1. ให้เข้าไปที่ http://www.e-bullion.com แล้วคลิก login แล้วใส่ Account Number และ Password กด login
-2. ถ้าจะโอนเงินจาก บัญชี e-gold มาที่ บัญชี e-bullion ให้คลิกที่ Deposits แล้วคลิก Convert E-Gold to E-Bullion แล้วไป กรอกรายละเอียด ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย โดยใส่ เลขบัญชี e-gold และชื่อบัญชี e-gold ที่ต้องการโอนมาที่ e-bullion และก็ใส่เลขบัญชี e-bullion ด้วย เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 4% ของเงินที่โอน โดยหักจากยอดที่โอน ขั้นต่ำ ต้องโอน 5 us ขึ้นไปค่ะ เช่นเราโอนเงิน จากบัญชี E-Gold มาที่ บัญชี e-bullion 100 us เขาก็จะหักไป 4 us ให้เรา 96 us ค่ะ
-3. ถ้าคุณมีเงินอยู่ในบัญชี e-bullion แล้ว ต้องการโอนไปบัญชี e-bullion อื่น ก็ได้ค่ะ ไม่เสียค่าใช้จ่าย คลิกที่ Transfers กรอกเลขบัญชีที่ต้องการ
-4. ถ้าต้องการถอนเงินจาก e-bullion ก็มีอยู่หลายวิธี โดยการส่งเช็คแบบธรรมดา (รอประมาณ 2 - 3 อาทิตย์)มาให้เรา เสียค่า ธรรมเนียม 2.5 us และแบบด่วนพิเศษ (รอประมาณ 1 อาทิตย์) เสียค่าธรรมเนียม 15 us
และการโอน เงินเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งธนาคารนั้นต้อง เป็นสมาชิกของ e-bullion ด้วย เสียค่าธรรมเนียม 40 us วิธีนี้ไม่แนะนำ แต่มีอีกวิธีเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ต้องรอเช็ค หลาย ๆ วัน แถมค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้ว ถูกกว่าการส่งเช็คด้วย คือ บัตรเดบิต โดยเราสามารถ ที่จะถอนเงินได้ที่ตู้ ATM ทั่วโลก เสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 3.5 us แค่คุณต้องซื้อบัตร เดบิต จากเขาก่อน ราคา 34.95 us แล้วเขาก็จะส่งบัตรมาให้ (รอประมาณ 1-2 อาทิตย์) แถมยังถูกกว่าค่าส่งเช็คอีก คือว่าเราเสียค่าส่งเช็ค 2.5 us แล้วต้องมาเสียค่าขึ้นเช็คที่เมืองไทยอีก 200-300 บาท รวม ๆ ก็ประมาณ 10 us เลยค่ะ

ค่าเงินสกุลต่างๆ

ค่าเงินสกุลต่างๆ ที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายในตลาด Forex ที่สำคัญ มีดังนี้






Symbol ชื่อสกุลเงิน ชื่อเรียก ประเทศ ตลาด เปิด-ปิด
USD ดอลลาร์ Buck สหรัฐอเมริกา 19.00-03.00
EUR ยูโร Fiber สหภาพยุโรป 13.00-21.00
JPY เยน Yen ญี่ปุ่น 06.00-14.00
GBP ปอนด์ Cable อังกฤษ 14.00-22.00
CHF ฟรังซ์ Swissy สวิสเซอร์แลนด์ 13.00-21.00
CAD ดอลลาร์ Loonie แคนาดา 19.00-03.00
AUD ดอลลาร์ Aussie ออสเตรเลีย 05.00-12.00
NZD ดอลลาร์ Kiwi นิวซีแลนด์ -


การ ที่เราจะซื้อขายใน ตลาด Forex จะต้องเปิดบัญชีกับ Forex Broker เป็นโบรกเกอร์ทางอินเตอร์เน็ต เราสามารถเทรดออนไลน์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ ถึง คืนวันศุกร์

เล่น Forex ในไทยผิดกฏหมายหรือไม่

เล่น Forex ในไทยผิดกฏหมายหรือไม่???

หลายท่านอาจสงสัยว่าการเล่น Forex นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดทำไมบ้านเราถึงยังไม่มี Broker ที่ไหนให้บริการ ในความเป็นจริงแล้วการลงทุนใน Forex นั้นรัฐบาลไทยอนุญาติให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า Forex เป็นแหล่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ประชาชนที่ไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจเสียเงินทองจำนวนมากได้ และในอดีตมีข่าวทางด้านลบเกี่ยวกับบริษัทบางแห่ง เปิดให้บริการลูกค้าลงทุนใน Forex ใน วงเงินที่สูง แต่กลับนำเงินไปรับความเสี่ยงเอง หรือทำตัวเป็นเจ้ามือเสียเอง ไม่ได้กินค่านายหน้าอย่างเดียว จนเมื่อลูกค้าทำกำไรได้มากๆ ก็ไม่สามารถจ่ายได้จนปิดบริษัทหนีไป ทำให้ Forex กลาย เป็นสิ่งที่ไม่น่าลงทุน ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ให้ห่างไกลจากประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนตาดำๆ อย่างเราถูกตัดโอกาสในการลงทุน ที่มหาเศรษฐีระดับโลกใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนชั้นเยี่ยมของเขา

ปัจจุบันการลงทุน Forex ของประชาชนทั่วไปยังถือว่าผิดกฎหมาย ทั้ง Broker ที่เปิดให้ลงทุนในประเทศไทย และผู้ลงทุนที่โอนเงินไปลงทุนกับ Broker ในต่างประเทศ โดยรัฐบาลกลัวว่าจะเป็นช่องทางที่จะนำเงินนอกระบบไปฟอกเงินนั่นเอง สำหรับท่านที่ลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มทักษะทางการลงทุนคงไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องนี้มาก หากแต่ท่านที่ลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก คงต้องคิดถึงความเสี่ยงด้านนี้ด้วย เนื่องจากการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากทางธนาคาร อาจทำให้ ปปง. เพ่งเล็งท่านได้ ตอนนี้ทำอะไรก็ตามแต่ ต้องโปร่งใส และพิสูจน์ไม่ได้ครับ แล้วท่านจะห่างไกลจากการตรวจสอบของรัฐบาลไทย ที่ยังเกรงว่าประชาชนของพวกเขาจะโดนหลอก จึงปิดกั้น แทนที่จะให้ความรู้ (เพราะมันง่ายดี)

วิธีการคิด Margin

วิธีการคิด Margin

มีเงิน $100
ซื้อไป จำนวน 2000 หรือ $20
USD : 100
used margin : $20
Available Margin : $80
Total Profit : 0
Available Margin กับ Total Profit จะสัมพันธ์กัน
ถ้า Total Profit ติด - ,Available Margin ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ (ถ้าเหลือ 0 หุ้นขะขายอัตโนมัติ เพื่อนำเงินมาหมุนต่อ)
ถ้า Total Profit + ,Available Margin ก็จะเพิ่ม

เช่น
USD : 100
used margin : $20
Available Margin : $70
Total Profit : -10

เราซื้อมาทั้งหมดกี่ตัว มันก็จะนำมารวมกันทั้งหมด
ต้องคำนวณให้ดีว่า margin เราเหลือเท่าไร
ถ้า margin ไม่พอ มันจะขาย ที่เราซื้อมาอัตโนมัติ เราก็ขาดทุนทันที
แนะนำ ควรสำรองเงินไว้เยอะๆค่ะ
เผื่อมันตกเยอะๆ เราจะได้มีเงินสำรองไว้ รอมันกลับมาขึ้นได้
จะได้ไม่ขาดทุน
ถึงมันตกก็ไม่เป็นไร รอหน่อยเดี๋ยวมันก็ขึ้น
ของแบบนี้ มันมีขึ้น มีลง ขอให้รวยๆๆค่ะ

หาเงินจาก Forex

Money management - หาเงินจาก Forex เรื่องที่ละเลยไม่ได้

ทำไม Money management ถึงสำคัญ เพราะเราต้องการที่จะทำกำไร เราต้องเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน แต่คนส่วนมากได้มองข้ามมันไป
Trader หลายคน เทรดโดยที่ไม่มีหลักการ และดูแค่ว่าสา
มารถเสียได้เท่าไรในการเทรด 1 ครั้ง แล้วก็เทรดเลย อย่างนี้ค้าเรียกว่าการพนันไม่ใช่ การลงทุน
ถ้าคุณเทรดโดย ไม่ใช้ Money management นั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นพนันอยู่ คุณไม่ได้มองการลงทุนระยะยาว คุณกำลัง รอ jackpot การบริหารเงินไม่เพียงช่วยเราป้องกันเงินทุน ยังสามารถทำมีกำไรในระยะยาวอีก แต่ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นแบบรอ jackpot เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เรามาดูตัวอย่างกัน
Casino หรือ เจ้ามือ คนเหล่านี้ เก่งเรื่อง สถิติ เค้ารู้ว่าระยะยาวแล้ว เจ้ามือจะเป็นคนได้เงิน ไม่ใช่นักพนัน ถึงจะมีคนถูกรางวัล Jackpot เป็นเงินก้อนโต แต่ก็จะมีนักพนันอีกมากกว่าร้
อยที่ไม่ถูก Jackpot แล้วเงินเหล่านี้ ก็จะเป็นของเจ้ามือ
อันนี้เป้นตัวอย่างที่ทำให้เห็นวา สถิติ สามารถ สร้างกำไรได้เหนือกว่า การพนัน
ในทางสถิติ หรือ เจ้ามือ ในกรณีนี้รู้ว่าจะควบคุมความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร ถ้าทำได้ คุณก็จะมีกำไร
ทีนี้คุณจะทำยังไงถึงจะเป็น นักสถิติที่ดีได้ ไม่ล้มเหลว

Money management นั้นสามารถทำกำไร ได้ในระยะยาว
ถ้าไม่ใช้กฎของ Money management จะเกิดอะไรขึ้นเรามาดูตัวอย่าง
สมมุตรว่าคุณ มีเงินอยู่ $10000 และคุณเสียไป $5000 คุณเสียไปทั้งหมดกี่เปอร์เซนต์ คำตอบคือ 50 เปอร์เซนต์ แล้วคุณต้องทำกี่เปอร์เซนต์
เงิน $5000 ของคุณ ถึงจะกลับไปเท่าเดิมคือ $10000 คุณต้องทำถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ 50 เปอร์เซนต์ เค้าเรียกว่า Drawdown จะเห็นว่ามันน่าหงุดหงิดมาก เพราะมันง่ายมากในการเสียไป แต่ได้กลับคืนมาเท่าเดิมนั้น ยากกว่า ซึ่งผู้อ่านคงไม่คิดที่จะเสีย เทรดเดียว 50 เปอร์เซนต์ ดิฉันหวังว่าเป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดเสีย 3, 4 หรือ 10 เทรดติดกันล่ะ มันดูเหมือนจะเกิดได้ยากถ้าคุณคิด ว่าคุณมี trade system ที่มีเปอร์เซนต์ชนะ 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคุณไม่มีทางเสีย ติดต่อกันได้ถึง 10 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณมี Trade system ที่ดี ในการเทรด Trade system ที่ทำ profitable ได้ 70 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนเป็น system ที่ดีมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่า ใน100 เทรดคุณจะชนะ 70เทรด
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า 70 ใน 100 เทรดจะชนะ คุณไม่มีทางรู้ได้ คุณ อาจจะเสีย 30 เทรดแรก แล้วไปชนะ 70 เทรดที่เหลือ ซึงยังให้ผลที่ 70 เปอร์เซนต์ แต่คุณก็คงเสียหายหนัก

จากตัวอย่างจะทำให้รู้ว่า Money management นั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมี Trading System ดีสักเท่าไร แต่ก็ต้องมีที่คุณเสีย เหมือนผู้เล่น Poker มืออาชีพ ถึงเค้าจะเล่นเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเค้าก็จะจบด้วยกำไร

ผู้เล่น Poker เก่งๆจะฝึกฝน Money management เพราะเค้ารุ้ว่าไม่สามารถชนะได้ทุกเกมส์ เค้าจะเล่นด้วยจำนวนเงินที่น้อย จากเงินทั้งหมดที่เค้ามี มันสามารถทำให้เค้ารอดพ้นจากการเสียครั้งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำในฐานะ trader เทรดใน เปอร์เซนต์ที่น้อยจากจำนวนเงินที่มีทั้งหมด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อคุณฝึกฝน และ เคร่งครัดกับ Money management คุณ จะเปลี่ยนจากนักพนัน กลายเป็นเจ้ามือ ที่จะทำกำไรได้ระยะยาว

รูปตัวอย่าง ความแตกต่างระหว่างคนที่เล่
นเปอร์เซนต์น้อย และคนที่เล่นโดยใช้เปอร์เซนต์สู


คุณจะเห็นว่ามีความแตกต่างกั
นมากระหว่าง การเล่น 2 เปอร์เซนต์เมื่อ เทียบกับ 10 เปอร์เซนต์ ของเงินทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง ถ้าคุณเสียติดต่อกัน 19 ครั้ง
การลงด้วยเงิน 10 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสีย 85 เปอร์เซนต์จากเงินทั้งหมด !!!!
แต่การลงด้วยเงิน 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสียแค่ 30 เปอร์เซนต์ของมาจิ้นเท่านั้น
แต่ มันคงเกิดขึ้นได้ยาก งั้นมาดูแค่การเสีย 5 ครั้งติดต่อกัน ถ้าคุณลง 2 เปอร์เซนต์คุณจะมีเงินเหลือ 18447 แต่ถ้าคุณลง 10 เปอร์เซนต์ จะเหลือเงินแค่ 13122 ซึ่งจะมากกว่าการเสีย ติดต่อกัน19 ครั้งของ การลง 2 เปอร์เซนต์ซะอีก!!!
จุดประสงค์ที่ยกขึ้นมานี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การใช้ Money management เมื่อตอน drawdown คุณยังมีเงินทุนเหลือพอที่จะเล่นต่อ ไป คุณลองคิดว่าถ้าคุณเสีย 85 เปอร์เซนต์ของเงินทั้งหมด คุณต้องทำให้ได้ 566 เปอร์เซนต์ของเงินที่เหลือ เพื่อให้เท่าทุน คุณคงไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น


อันนี้คือตารางที่ จะทำให้คุณรู้ว่าจากการ ขาดทุน คุณต้องทำเท่าไรถึงจะเท่าทุน
คุณจะเห็นว่า ยิ่งเสียมากมันก็ยากที่จะ ทำให้มันกลับมาเท่าทุน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Money management
Risk to reward
เป็นการเทรดที่ อัตราส่วนอยู่ที่ 3 ต่อ 1 คือ Winner trade ต้องมากกว่า 3 เท่าจาก looser trade ถ้าเทรด แพ้ และ ชนะ สลับกัน
Profitable trade จะอยู่แค่ 50 เปอร์เซนต์ แต่เรามีกำไร นะครับ


หลักบริหารเงิน จาก 5$ เป็น 10,240$

- หลักการบริหารเงิน จาก 5$ ให้ได้ 10,240$ ภายใน 1 ปี
ตามรูปเลยนะค่ะ ดิฉันเลือกแผนการลงทุนแบบ 20% ของเงินที่มีอยู่(ช่องสีเขียว)
สมมุติมีเงิน 5$ ก็คือต้องลงทุน 1$ ต่อไปดูเป้าหมายค่ะ
ต้องการทำกำไร 100% ของเงิน 5$ ทีมีอยู่ ก็คือ ดิฉันต้องทำให้ได้ 500 pip ต่อเดือน อาจจะดูมากนะค่ะ แต่จะเก็บวันละ 25 pip ภายใน 1 วันแบ่งการเล่นเป็น 2 ช่วง คือเช้า-เย็น เช้าเก็บประมาณ 12 pip เย็นอีก 13 pip ภายใน 1 เดือน จะได้ 500 pip พอดี คือได้กำไร 500% ของเงินที่ลง 1$ = 5$ พอดี เป็นกำไร 100%ของเงินทุนที่มีอยู่ ถ้าได้ 100% ของเงินทุนทุกเดือน ภายใน 10-11 เดือนจะได้ประมาณ 1000 เท่า นะค่ะ ดิฉันคิดว่าเข้าไปเก็บครั้งละ 12 pip ไม่มากเกินไปค่ะ แล้วสามารถ ทำได้ค่ะ หากหาจังหวะดีๆๆ และเทรนด์ชัดเจน

โดยที่ ระหว่างดิฉันเก็บ 500 จุด ก็จะลงทุน 1$ ตลอด

เรื่องของธุระกิจ

เรื่องของธุระกิจ
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. forex news onlive - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger